วันศุกร์ที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2554

กระจกเงาของปีเตอร์..

"ในเช้าวันหนึ่ง ปีเตอร์คนธรรมดาเห็นหญิงชรากำลังก้มๆเงยๆ อยู่บนถนน เขาจึงถามหญิงชราว่า “ยายกำลังหาอะไรอยู่หรือจ๊ะ” หญิงชราจึงบอกว่าเธอกำลังมองหาแหวนที่ำทำหล่นอยู่ ปีเตอร์จึงกัมลงและช่วยเธอหาแหวนดังกล่าว และในไม่ช้า เขาก็พบแหวนนั้นอยู่ใต้ใบไม้แห้ง“โอ” หญิงชราพูด “เธอรู้ไหม ว่าแหวนวงนี้มีค่ามากมายเพียงใด เพื่อเป็นการตอบแทนฉันจะให้กระจกเงาวิเศษให้กับเธอ” แลัวเธอก็มอบกระจกเงาเล็กๆให้กับปีเตอร์ แต่เมื่อนำกระจกเงานั้นมาส่องเขากลับมองไม่เห็นอะไรเลยนอกจากท้องฟ้าที่ว่างเปล่า“ยาย กระจกนี้อาจเป็นกระจกเงาวิเศษ แต่มันไม่มีประโยชน์ใดๆกับฉัน เพราะฉันไม่สามารถมองเห็นตัวเองได้เลย” หญิงชรา ซึ่งแน่นอน เป็นผู้วิเศษ จึงกล่าวว่า “มันเป็นกระจกวิเศษที่เธอจะมองไม่เห็นตัวเองอย่างที่เป็น แต่จะเห็นตัวเองอย่างที่ผู้อื่นมองเห็น และการได้เห็นว่าผู้อื่นมองเห็นเราอย่างไรเป็นของขวัญที่วิเศษนะ” พูดแล้ว เธอก็ค่อยๆหายตัวไปท่ามกลางกิ่งก้านของต้นไม้ที่โน้มเข้ามาโอบอุ้มตัวเธอ

และเนื่องจากยังไม่มีใครพบกับปีเตอร์หลังจากได้รับกระจกวิเศษ เขาจึงยังมองไม่เห็นอะไรในกระจกนั้น ด้วยความไม่เข้าใจ ปีเตอร์จึงคิดว่าเงาของเขาหายไป เขาจึงเดินตามหาเงาของตัวเอง เมื่อเขาพบกับชาวนาจอห์น เขาเข้าไปถามว่า “ชาวนาจอห์น เงาของผมหนีไป คุณเห็นเงาของผมไหม” ชาวนาจอห์นตอบว่า “โอ, ฉันเห็นมันเดินไปทางเข้าเมืองทางโน้น” ปีเตอร์ไม่รู้ว่ากำลังถูกชาวนาจอห์นหลอกเล่น เขาจึงเดินไปตามทางนั้นระหว่างทางเขาหยิบกระจกขึ้นมาส่อง สิ่งที่เขาเห็นในกระจกคือห่านตัวหนึ่ง ด้วยความตกใจว่าเขากลายเป็นห่านไปเสียแล้ว เขาจึงเข้าไปถามชายช่างตีเหล็กผู้อารีว่า “เงาของฉันกลายเป็นห่านไปแล้วหรือ” พอเขาเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ฟัง ช่างตีเหล็กจึงอธิบายให้ปีเตอร์เข้าใจการล้อเล่นของของชาวนาจอห์นที่เห็นปีเตอร์เป็นเพียงห่านโง่ตัวหนึ่ง“ฉันไม่ใช่ห่านโง่เสียหน่อย” ปีเตอร์คิด “คอยดูนะ ฉันจะพิสูจน์ให้ใครๆเห็นว่าฉันไม่ใช่คนที่ไร้ค่า“ด้วยความคิดนี้ ปีเตอร์คนธรรมดาจึงเดินทางเพื่อแสวงหาโชค

ระหว่างทางเขาพบผู้คนจำนวนมากอพยพย้ายถิ่นสวนทางกับเขา เมื่อสอบถามชาวบ้านเหล่านั้นจึงได้ความว่า มีมังกรร้ายที่น่าหวาดกลัวที่สุดอาละวาดกินคน และมันจับเจ้าหญิงไป พระราชาประกาศว่าหากใครช่วยเจ้าหญิงได้จะได้แต่งงานกับเธอและจะได้ครองดินแดนนี้ต่อไป ปีเตอร์คิดว่านี่เป็นโอกาสที่เขาจะได้แสดงความสามารถแล้วเขาจึงเดินทางไปยังภูเขาที่อยู่ของมังกร ท่ามกลางภูมิประเทศอันน่าหวาดหวั่น เขาค่อยเดินเข้าไปยังถ้ำที่มังกรจับเจ้าหญิงขังไว้ ก็ได้ยินเสียงคำรามอย่างน่ากลัวของเจ้ามังกรร้าย และมันก็ได้กลิ่นของเขาแล้ว เมื่อมันออกมาล่าปีเตอร์ ซึ่งในเวลานี้ไม่ธรรดาเสียแล้ว เพราะเขาแอบอยู่หลังโขดหิน และยื่นกระจกเงาวิเศษหันไปทางเจ้ามังกรนั้น เธอรู้ไหม เจ้ามังกรมองเห็นอะไร มันมองเห็นสัตว์ร้ายที่น่าหวาดกลัวที่สุดในกระจกเงากำลังทำท่าจะเข้ามาทำร้าย ด้วยความหวาดกลัวอย่างที่สุด เจ้ามังกรจึงเผ่นแน่บไปจากดินแดนนั้นและไม่หวนกลับมาอีกเลย

ปีเตอร์เข้าไปในถ้ำช่วยเหลือเจ้าหญิงออกมาได้ เขาหลงรักเจ้าหญิงในทันที สำหรับเขาแล้ว เธอเป็นหญิงที่งดงามที่สุดในโลก และพระราชาก็ให้รางวัลเขาอย่างงดงามด้วยการประกาศให้เขาได้แต่งงานกับเจ้าหญิง วันหนึ่งเจ้าหญิงได้ถามถึงเรื่องที่เขาเอาชนะเจ้ามังกร เธอคิดว่าเป็นวีรกรรมที่กล้าหาญนี่กระไร ปีเตอร์จึงบอกเล่าเรื่องราวทั้งหมด รวมถึงการเล่นกลกับเจ้ามังกรให้เจ้าหญิงฟัง พร้อมยกกระจกเงาให้เจ้าหญิงดู สิ่งที่เจ้าหญิงเห็นในกระจกเงาคือ หญิงสาวที่สวยที่สุดในโลก “แต่ฉันไม่ใช่คนที่สวยอย่างนั้นนี่” เธอบอกกับปีเตอร์ เมื่อได้ฟังเรื่องด้วยความจริงใจ เห็นถึงความสัตย์ซื่อของปีเตอร์ทำให้เจ้าหญิงหลงรักเขาด้วยเช่นกัน

ในขณะที่งานแต่งงานใกล้เข้ามา พระราชินีเห็นว่าปีเตอร์แต่งกายซอมซ่ออาจทำให้ประชาชนไม่ยอมรับเขาเป็นเจ้าชาย พระนางจึงให้เขาแต่งกายแบบเจ้่าชาย แต่เมื่อปีเตอร์ส่องดูตัวเองในกระจกวิเศษ เขามองเห็นตัวเขาอย่างที่ประชาชนมองเห็น สิ่งที่เขามองเห็นคือราชสีห์ที่เก่งกล้าดุร้าย “แต่ฉันไม่ใช่คนที่กล้าหาญอย่างที่พวกเขาคิด” ปีเตอร์บอกกับตัวเอง ดังนั้นเขาจึงกลับมาแต่งตัวอย่างที่เคย และชาวบ้านก็เห็นเขาเป็นพวกเดียวกับตน และรักเจ้าชายคนใหม่ของพวกเขาอย่างจริงใจเมื่อเวลาผ่านไป ปีเตอร์หยิบกระจกเงาวิเศษขึ้นมาดู แม้ว่าในเวลานี้จะอยู่ในเครื่องแต่งกายอย่างเจ้าชาย สิ่งที่เขามองเห็นคือ ปีเตอร์คนธรรมดาในชุดซอมซ่อเช่นเดิม เขาดีใจว่าในที่สุด ใครๆก็ได้เห็นเขาอย่างที่เขาเป็นเสียที"