หลังจากเรียนจบคณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ปี 2539 ผมกลับมาประจำปฏิบัติงานที่สำนักงานสาธารณสุขอำเภอด่านซ้าย พอดีกับพี่สมศักดิ์ย้ายกลับบ้านที่ผาขาว ผมก็ก้าวขึ้นรั้งตำแหน่งนักวิชาการมือวางอันดับหนึ่งของอำเภอด่านซ้าย แหม..ฟังดูแล้วเหมือนจะเท่ห์ดีนะครับ นักวิชาการของสำนักงานสาธารณสุขอำเภอ จะว่าไปก็เปรียบเหมือนงานของเสนาธิการครับ คิด วางแผน จัดการต่างๆ เป็นมือซ้าย มือขวาของสาธารณสุขอำเภอ บางทีก็ควบตำแหน่งผู้ช่วยไปด้วย
คอมพิวเตอร์ยุคนั้นเริ่มเข้ามามีบทบาทในงานสาธารณสุขพอสมควรครับ โดยเฉพาะงานเอกสาร จำได้ว่าก่อนไปเรียนที่มหาวิทยาลัยขอนแก่น ผมยังใช้เครื่องพิมพ์ดีดพิมพ์ลงกระดาษไข แล้วเอาไปโรเนียวอยู่เลย โปรแกรมสำหรับพิมพ์งานในคอมพิวเตอร์ยุค 486 DX4100 ที่ฮิตๆ คงไม่พ้น จุฬาเวิร์ด หรือไม่ก็ราชวิถีเวิร์ด ซึ่งผมได้หัดใช้สมัยที่เรียนปี 1 แต่หลังจากนั้นคอมพิวเตอร์ก็มีความก้าวหน้าขึ้นมาก เปลี่ยนจากระบบ DOS เป็น windows 3.11 รุ่นที่ติดตั้งด้วยแผ่น Floppy disk 11 แผ่น พอดีระบบวินโดว์เข้ามาโปรแกรมเอกสารอย่างจุฬาเวิร์ดกลายเป็นของที่ล้าสมัยไปซะแล้วครับ หน่วยงานสาธารณสุขในยุคนั้นจึงเริ่มมีการนำโปรแกรมพิมพ์เอกสารมาใช้อย่าง AMIPRO ซึ่งรันบนวินโดว์ มีรูปร่างหน้า ที่น่าใช้กว่าบน DOS เยอะ การจัดหน้า พิมพ์หนังสือตราครุฑ ฯลฯ สาระพัดประโยชน์ครับ เรียกได้ว่าทั้งสำนักงานสาธารณสุขอำเภอ และสถานีอนามัยในยุคนั้น แห่งที่มีคอมพิวเตอร์ใช้ต้องติดโปรแกรมนี้กันงอมแงม..
แต่โลกของไอทีไม่เคยหยุดนิ่งครับ ในขณะที่ทุกคนติดกับ amipro ผมกลับมองว่าอนาคตของ amipro ไม่น่าจะไปได้นานนัก เพราะสมัยเรียนที่มหาวิทยาลัย อ.ผมเคยบอกว่าให้จับตาไมโครซอฟท์ไว้ ซึ่งในระหว่างเรียนผมก็ได้ใช้โปรแกรม Microsoft word 6 อยู่แล้วและคิดว่าดีกว่า amipro ที่ใช้กันอยู่ในตอนนั้น จึงเสนอให้มีการเปลี่ยนโปรแกรมพิมพ์เอกสารเป็น word 6 แน่นอนครับว่า..เสียง(บ่นด่า) ตอบรับดีมาก
word 6 ในยุคนั้นยังคงมีปัญหาเรื่องการบริโภคทรัพยากรค่อนข้างมาก และมีอาการค้างบ่อยๆทำให้คนใช้หงุดหงิดใจได้พอสมควร แต่เวลาก็ช่วยเยียวยาทุกสิ่ง หลังจากที่เปลี่ยนแปลงได้ไม่นานทุกคนก็เริ่มชินกับการใช้งาน และทิ้งความทรงจำเกียวกับ amipro ไว้เบื้องหลัง
ในยุคระบบปฏิบัติการที่เปลี่ยนจาก windows 3.11 เป็นวินโดว์ 95 วินโดว์ 98 โปรแกรมสำนักงานชุดใหม่ที่ออกมาให้ใช้กันคือ Microsoft office 97 ซึ่งถือว่าเป็นจุดพลิกผันของวงการสาธารณสุขทีเดียวเพราะมีโปรแกรมฐานข้อมูลหลายตัวที่เขียนจาก Accress 97 โดยเฉพาะโปรแกรมสำคัญอย่าง HCIS ซึ่งใช้กันอย่างแพร่หลายและยาวนาน..หลายปี แต่สารภาพตรงๆ ผมใช้ HCIS แค่ 3 เดือนเท่านั้นเอง..
คอมพิวเตอร์ในยุคหลังๆ ก้าวกระโดดเร็วมากครับ ตัวโปรแกรม Microsoft office ก็มีการเปลี่ยนจาก office 97 เป็น office 2003 ตามระบบปฏิบัติการที่เปลี่ยนจาก windows 98 เป็น Widows Me และ Windows XP ที่เป็นยุคเฟื่องฟูของ Mocrosoft เครื่องคอมพิวเตอร์รุ่นใหม่ติดตั้งระบบปฏิบัติการวินโดว์ XP และ office 2003 มาให้เรียบร้อย ใช้กันเพลินเลยละครับ เพราะโปรแกรมใช้งานค่อนข้างง่ายและมีความคุ้นเคยกันมาเป็นอย่างดี จนผมเคยคิดว่าก็ไม่น่าจะต้องเปลี่ยนแปลงอะไร เพราะงานเอกสารเท่าที่ทำกันทุกวันนี้มีคนว่ากันว่ายังใช้ไม่ถึง 10 เปอร์เซนต์ของศักยภาพที่มันมีเลยด้วยซ้ำไป..
แล้วเกิดอะไรขึ้นละครับ..
ปัญหามันเกิดขึ้นมาจาก วันหนึ่งอยู่ผมก็ได้รับไฟล์งานเอกสารที่ดาวโหลดจากอีเมล์เป็นไฟล์แปลกๆ นามสกุล docx เป็นจาก office 2003 ก็ไม่ได้ ทำให้ถึงบางอ้อว่าระบบปฏิบัติการใหม่ๆเริ่มใช้ office 2007 กันแล้ว
จะด้วยความสวยงาม หรือเหตุผลใดก็แล้วแต่ office 2007 ได้เปลี่ยนโฉมหน้าตาเมนูในโปรแกรมไปมากพอสมควร หลายๆคนที่คุ้นเคยกับ office 2003 ต่างพากันบ่นอุบว่าใช้ยาก หาเมนูก็ลำบาก ฯลฯ
แต่ก็อย่างว่าแหละครับ ของแบบนี้ไม่ลองฝึกบ่อยๆ ก็คงไม่เป็น นี่ก็เห็นว่า office 2010 โผล่หน้ามาในเครื่องคอมพิวเตอร์บางเครื่องกันแล้ว.. แม้จะยังไม่มาก แต่การเปลี่ยนแปลงโปรแกรมใช้งานคงไม่ใช่ปัญหา เพราะผมมีประเด็นหลักสำคัญๆ ที่ต้องคิดมากกว่าคือ ปัญหาเรื่องลิขสิทธิ์
ผมเคยคิดที่จะเปลี่ยนแปลงโปรแกรม Microffice เป็นโปรแกรมปลาดาว มาแล้วครั้งนึง ซึ่งตอนนั้นปัญหาเรื่องของลิขสิทธิ์เริ่มประทุขึ้นมาอีกครั้ง จนมีการพยายามที่จะให้ลีนุกซ์ทะเล และ ปลาดาว เป็น OS และโปรแกรม office ระดับชาติ..แต่แล้วทุกอย่างก็เงียบหายไปกับลมปาก และดากเหม็นๆของนักการเมือง..
จนกระทั่งถึงวันนี้.. มีคนพูดบ่อยๆว่า เรื่องจับลิขสิทธิ์มันจริงเหรอ ก็เห็นขู่กันมาหลายครั้งแล้ว ใช้พวก open source แล้วจะยุ่งยากกว่าเดิม ที่อื่นยังไม่เห็นมีใครเปลี่ยนกันเลย ฯลฯ
อย่าถามผมครับว่าทำไมเลิกใช้ และเปลี่ยนเป็น open source ..
จริงๆ ผมก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรครับ บริษัทตรวจจับลิขสิทธิ์ก็ยังไม่เคยเข้า รพ.อื่นๆในจังหวัดเลยหรือที่ไหนๆ ก็ยังไม่เห็นมีใครเขาขยับมาทำเรื่องนี้กันจริงๆ จังๆ..
ถ้าจะถาม..
ถามผมยังงี้ดีกว่าว่า....... ทำไมถึงเลือกใช้ LibreOffice ใช้แล้วมีปัญหาอะไรไหม๊ มีการเตรียมตัวของคนในองค์กรอย่างไร ฯลฯ... แต่ถึงจะอธิบายอย่างไรคุณก็อาจจะยังไม่เข้าใจ จนกว่าคุณจะได้ลองใช้เองจริงๆ